นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
( Personal Data Protection Policy )
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
บริษัท ยืนยง เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
ส่วนที่ 1 : ข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมเป็นการเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามนโยบายนี้ ให้รวมถึง
- ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน หรือ บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องใด ๆ ในธุรกิจของบริษัทเช่น ชื่อ – นามสกุล รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์ เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร ลายเซ็นทะเบียนรถยนต์ หรือ ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ในการทำธุรกิจร่วมกันหรือตามที่กฎหมายกำหนด
(* เพื่อความกระชับ คำว่า ลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน หรือ บุคคลภายนอกผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ต่อไปนี้จะรวมกันเรียกว่า “ ลูกค้า ” )
- ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปของพนักงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร รูปถ่าย ลายเซ็น ลายนิ้วมือ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์ เฟสบุ๊ค วุฒิการศึกษา ชื่อบิดา มารดา คู่สมรส ข้อมูลในใบสมัครงาน หรือ ข้อมูลอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ในการจ้างงาน การบริหารงาน หรือตามที่กฎหมายกำหนด
- ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทั้งของลูกค้าหรือของพนักงาน เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ลักษณะเด่นทางกายภาพ หรือ ข้อมูลอ่อนไหวอื่นใดที่กฎหมายกำหนด ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานหรือทำธุรกิจร่วมกันหรือตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 2 : วัตถุประสงค์และขอบเขตการใช้ข้อมูล
บริษัท ฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงาน
- ตามความจำเป็นในการบริหารงาน
- ตามสัญญาที่มีต่อกัน
- ตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
- ตามประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล
โดยจะใช้ข้อมูลในทุกส่วนงานที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลนั้น ๆ ในการทำงาน ทั้งในสำนักงาน โรงงาน สาขา บริษัทฯในเครือ บริษัทฯ คู่ค้า หรือ หน่วยงานอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าว ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ (ถ้ามี) ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยจะเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างเป็นความลับเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเจ้าของข้อมูล
ส่วนที่ 3 : อายุการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือ ของพนักงานที่ใช้ในการทำงานหรือทำธุรกิจร่วมกัน จะเก็บไว้ตลอดเวลาที่ใช้งาน ข้อมูลที่สำคัญจะเก็บต่อเนื่องหลังจากพ้นสภาพไปแล้วไม่เกิน 10 ปี โดยเก็บไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นเอกสารที่ปลอดภัย
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่ไม่ใช้งาน เช่น ใบสมัครงานที่ไม่รับเข้าทำงาน หรือ ใบเสนอราคา ที่ไม่มีการซื้อขายต่อกันจะเก็บไว้ไม่เกิน 3 เดือน จะทำลายโดยการย่อยหรือเผาทำลายหรือวิธีอื่นใด เพื่อป้องกันการนำมาใช้ผิด
3.3 ข้อมูลใดที่เก็บไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มั่นคง ปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ ถูกต้องตามจริงแล้ว บริษัทฯ อาจทำลายข้อมูลที่เป็นกระดาษก็ได้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระ ไม่ซ้ำซ้อน ในการจัดเก็บ
3.4 ข้อมูลที่ใช้งานทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงาน หากจะมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข บริษัทฯ จัดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำการทบทวน อนุมัติก่อนการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่คุ้มครองไว้นั้นได้รับการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูล
3.5 ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ( ตามมาตรา 26 ) หากจะมีการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ เปลี่ยนแปลง ตามความจำเป็นในการบริหารงานหรือตามกฎหมายกำหนด บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งและใช้อย่างระมัดระวังเป็นความลับ
3.6 ระหว่างเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล บริษัท ฯ กำหนดให้มีการตรวจสอบเป็นระยะ และให้มีการทบทวน ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันทั้งระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือ ในกรณีที่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือ กฎหมายประกาศเพิ่มเติม หรือ เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง บริษัท ฯ จะทบทวน ปรับปรุง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการคุ้มครองตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 4 : สถานที่เก็บและผู้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 บริษัท ฯ จะเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลในคอมพิวเตอร์ หรือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ อื่นใดที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และจัดให้ผู้ใช้งานมี Password หรือ รหัสลับเฉพาะคนเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลมีการเก็บรักษาที่มั่นคง ปลอดภัย
4.2 กรณีที่เก็บเป็นเอกสาร สถานที่เก็บจะจัดให้มีการล็อคกุญแจที่มั่นคง ปลอดภัยและกำหนดผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะคน
ส่วนที่ 5 : การมอบหมายให้บุคคลภายนอกประมวลผลให้ หรือ การส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
5.1 ในกรณีที่
5.1.1 บริษัท ฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงานไปให้บุคคล หรือ หน่วยงานภายนอก ดำเนินตามข้อตกลงกัน
5.1.2 บริษัท ฯ มอบหมายให้บุคคล องค์กรอื่นใดทำการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลให้
5.1.3 ลูกค้าที่ รู้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือ ของพนักงานขณะติดต่องานกันบริษัท ฯ จัดให้มีข้อตกลงให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกนั้น เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูลให้มั่นคง ปลอดภัยตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
5.2 การส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวไปหน่วยงานภายนอก หรือ ส่งไปต่างประเทศ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมข้อมูลในนามนิติบุคคล ( กรรมการผู้จัดการ) และ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความเห็นร่วมกัน และปฏิบัติตามกฎหมายก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานภายนอก หรือ ประเทศปลายทางมีการคุ้มครองที่มั่นคง ปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 6 : ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงแต่งตั้งให้พนักงานผู้มีตำแหน่งต่อไปนี้ ปฏิบัติตามนโยบายและหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ผู้จัดการฝ่ายบริหาร เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในนามนิติบุคคล
- ผู้แทนฝ่ายบริหารในระบบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่จัดทำและบริหารระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
- เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นผู้เสนอแนะ ตรวจสอบ ประสานงาน ควบคุม เพื่อให้ระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องกับกฎหมาย เป็นความลับและดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
- ผู้จัดการ / หัวหน้างานทุกหน่วยงาน เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือของลูกค้าที่หน่วยงานตนเองใช้งาน
- พนักงานทุกคน เป็นผู้เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองใช้งานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
- ผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรักษาไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ทั้งหมดของบริษัท ฯ ให้มีความมั่นคง ปลอดภัย
- คณะทำงานระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นผู้จัดทำรายละเอียดของระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยบริหารจัดการให้สอดคล้องกับกฎหมายนี้
ส่วนที่ 7 : สิทธิของเจ้าของข้อมูล
7.1 บริษัท ฯ ให้ความเคารพสิทธิ ของเจ้าของข้อมูลอย่างสูงและจัดให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิดังต่อไปนี้
- ขอคัดค้าน ขอระงับการใช้
- ขอให้ลบออกจากการเก็บ การใช้ การเปิดเผย
- ขอถอนความยินยอม
- ขอให้เปลี่ยนแปลง แก้ไขให้ถูกต้อง
- ขอรับสำเนา หรือ ขอรับการรับรองข้อมูล
- ขอให้โอนข้อมูลไปยังหน่วยงานอื่น
- ขอตรวจสอบวิธีการเก็บ การใช้ การเปิดเผยข้อมูล
- ขอทราบแหล่งที่มาของข้อมูลที่ตนไม่ยินยอมไว้แต่แรก
- ถ้าเกิดความเสียหาย หรือ คนอื่นได้ประโยชน์ มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย
ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวต้องไม่กระทบกับสิทธิการใช้ข้อมูลของบริษัท ฯ ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯกำหนดไว้ หรือ ตามที่กฎหมายกำหนด
7.2 กรณีที่บริษัทฯ ยังคงใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้โดยสุจริต ไม่นำไปหาประโยชน์ส่วนตัว ไม่ทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย บริษัท ฯ ขอความยินยอมจากลูกค้าหรือพนักงานให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามปกติต่อไป
7.3 พนักงานที่มีเหตุสงสัย หรือ พบเหตุผิดปกติจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตน สามารถร้องเรียน หรือ ขอใช้สิทธิข้างต้น ได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ( ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ) ที่บริษัท ฯ กำหนด เพื่อดำเนินการให้
7.4 ลูกค้าที่มีเหตุสงสัย หรือ พบเหตุผิดปกติจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตน สามารถร้องเรียน หรือ ขอใช้สิทธิข้างต้นได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน (ผู้จัดการ / หัวหน้างานต้นสังกัดที่ลูกค้าติดต่องานด้วย) เพื่อดำเนินการให้
7.5 ผู้สนใจหรือผู้เกี่ยวข้องใด ๆ กับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ สามารถติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายเลขโทรศัพท์ 064-341-4873 หรือ Website : www.yuenyong.co.th หรือ ตามที่อยู่ 889/1 หมู่ 7 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10280 โทรศัพท์ 02 323-9072 ได้ในเวลาทำการ
7.6 พนักงาน ลูกค้า หรือ ผู้เกี่ยวข้อง ที่ไม่ได้รับความสะดวก ไม่ได้รับการแก้ไขตามสิทธิที่กำหนด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการให้
7.7 การตัดสินข้อร้องเรียน หรือ สงสัย ให้ผู้ควบคุมข้อมูลในนามนิติบุคคล ( ผู้จัดการฝ่ายบริหาร) โดยความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีอำนาจตัดสินและให้ถือเป็นที่สุด
7.8 กรณีที่ตัดสินใจไม่ได้ หรือ ไม่แน่ใจให้ปรึกษาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญคุ้มครองส่วนบุคคล กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อให้ความเห็นประกอบการตัดสินใจ
ส่วนที่ 8 : หน้าที่ของเจ้าของข้อมูล
8.1 นำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ตามที่ร้องขอภายในเวลาที่กำหนด
8.2 ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ให้แจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบทันทีหรือภายในไม่เกิน 7 วัน
8.3 ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือของลูกค้าตามหน้าที่โดยสุจริต ห้ามนำไปหาประโยชน์ส่วนตัวหรือห้ามทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหายใด ๆ ทุกกรณี
8.4 หากพบเหตุผิดปกติ หรือ เหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอันอาจทำให้เกิดความเสียหาย ให้แจ้งบริษัทฯ ทราบทันทีเพื่อระงับได้ทันเหตุการณ์
ส่วนที่ 9 : บทลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายหรือผิดนโยบายนี้
ลูกค้า พนักงาน หรือ ผู้ใด นำข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ คุ้มครองไว้
- ไปใช้ เปิดเผย นอกจากวัตถุประสงค์ที่บริษัท ฯ กำหนดไว้ หรือ โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม
- นำไปหาประโยชน์ส่วนตัว หรือ ทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย
- ทำผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
- ทำผิดนโยบายหรือระเบียบปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กับนโยบายนี้
บริษัทฯ จะลงโทษถึงขั้นสูงสุด หรือดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนดไว้สูงสุดและชดใช้ความเสียหายเต็มจำนวน
ส่วนที่ 10 : การขอความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
10.1 ให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล แจ้งนโยบายนี้ แจ้งวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ผู้สมัครงานทราบและยินยอมแต่แรกก่อนการสมัครงาน
10.2 ให้ผู้จัดการ / หัวหน้างาน / พนักงาน แจ้งนโยบายนี้ แจ้งวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ลูกค้าทราบและยินยอมแต่แรกก่อนทำธุรกิจต่อกัน
10.3 บริษัท ฯ จะขอข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ในกรณีที่จำเป็นต้องขอจากบุคคลอื่น บริษัท ฯจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลก่อนการใช้ครั้งแรก หรือ ภายใน 30 วัน หรือ โดยเร็วเท่าที่จะทำได้
10.4 การขอความยินยอมอาจทำเป็นหนังสือ หรือ ขอความยินยอมโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทางเว็บไซต์ ทางอินเตอร์เน็ต หรือ วิธีการอื่นใดที่เป็นการรับรู้กันโดยชัดแจ้งทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสืออย่างเดียวเสมอไป
ส่วนที่ 11 : การให้ความยินยอม
11.1 ลูกค้าหรือพนักงานที่บริษัท ฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลมาก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัท ฯ ขอใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิมต่อไปตามปกติ
11.2 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนยาน 2565
11.2.1 ลูกค้าใหม่ ที่บริษัท ฯ แจ้งนโยบายนี้ให้ทราบแล้วและไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใด ๆ ให้บริษัท ฯ ทราบ และตกลงทำธุรกิจร่วมกัน ถือว่าลูกค้าใหม่นั้นยินยอมให้บริษัท ฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำธุรกิจกัน
11.2.2 ผู้สมัครงาน หรือ พนักงาน ที่บริษัท ฯ แจ้งนโยบายนี้ให้ทราบแล้วและไม่ได้แจ้งข้อขัดงข้อใด ๆ ให้บริษัท ฯ ทราบ และเขียนใบสมัครงาน หรือ ลงนามในสัญญาจ้างงาน ถือว่าผู้สมัครงาน หรือพนักงาน นั้นยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่วันแรกที่สมัครงาน
11.2.3 ผู้สนใจทั่วไป ที่บริษัทแจ้งนโยบาย และวัตถุประสงค์ใช้ข้อมูลให้ครบแล้ว ที่ไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใด ๆ ให้บริษัทฯ ทราบถือว่าผู้สนใจนั้นยินยอมให้บริษัทฯใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้แต่แต่วันแรกที่ติดต่อกัน
11.3 การให้ความยินยอมอาจทำเป็นหนังสือ หรือ ให้ความยินยอมโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ เป็นคลิปภาพ หรือ คลิปเสียง หรือ วิธีการอื่นใดที่เป็นการรับรู้โดยชัดแจ้งทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสืออย่างเดียวเสมอไป
ส่วนที่ 12 : การประชาสัมพันธ์นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
12.1 ให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเผยแพร่นโยบายนี้ ให้ผู้สมัครงาน พนักงานใหม่และพนักงานประจำทราบ
12.2 ให้ผู้จัดการทุกหน่วยงานเผยแพร่นโยบายนี้ ให้ลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน ที่ตนเองเกี่ยวข้องทราบ
12.3 ให้ผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศ หรือ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ หรือ ผู้ได้รับมอบหมาย เผยแพร่นโยบายนี้ทาง Website หรือ สื่อ Media ใด ๆ ของบริษัท ฯ ให้ผู้เกี่ยวข้องและหรือผู้สนใจทราบ
12.4 กรณีที่เจ้าของข้อมูลประสงค์ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายนี้ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองส่วนบุคคลที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-323-9072 ต่อ 155 (ในเวลาทำการ)
บริษัท ยืนยง เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
รายการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และจุดประสงค์การใช้งาน
ขอบเขตการใช้ข้อมูล
บริษัทฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในทุกส่วนงานที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลนั้น ๆ ในการทำงาน หรือตามสิทธิที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ได้ ทั้งในสำนักงาน โรงงาน สาขา บริษัทฯในเครือ บริษัทฯ คู่ค้า หรือ หน่วยงานอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าว ทั้งในประเทศและหรือต่างประเทศ (ถ้ามี) ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และจะเก็บ ใช้เปิดเผยอย่างเป็นความลับเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเจ้าของข้อมูล
การขอความยินยอม และ การให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- ในกรณีท่านตกลงทำธุรกิจใด ๆ ร่วมกับบริษัท ฯ และไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัท ฯ ทราบถือว่าท่านยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลของท่านได้ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้
- ในกรณีที่ท่านไม่ได้ทำธุรกิจใด ๆ กับบริษัท ฯ…บริษัทฯ จะไม่ใช้ข้อมูส่วนบุคคลใด ๆ ของท่าน
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าชม Website ของเรา